ความสัมพันธ์ระหว่างสิทธิผู้ป่วยกับหน้าที่ของแพทย์ภายใต้กรอบความยินยอม

ในสังคมปัจจุบัน การแพทย์ไม่ได้เป็นเพียงเรื่องของการรักษาโรค แต่เป็นเรื่องของ สิทธิ เสรีภาพ และความสัมพันธ์ระหว่างแพทย์กับผู้ป่วย การรักษาทุกครั้งจึงไม่ใช่แค่การตัดสินใจของแพทย์ แต่ต้องตั้งอยู่บนพื้นฐานของความยินยอม (Consent) ของผู้ป่วยด้วย

ความหมายของเสรีภาพในวิชาชีพแพทย์

  • แพทย์- มีเสรีภาพในการใช้ความรู้ ความเชี่ยวชาญ และมาตรฐานวิชาชีพเพื่อเลือกวิธีการรักษาที่เหมาะสม
  • ผู้ป่วย – มีเสรีภาพในการตัดสินใจว่าจะรับหรือปฏิเสธการรักษาอย่างไร

เสรีภาพทั้งสองฝ่ายต้องมาบรรจบกัน และเกิดเป็นข้อตกลงร่วม (Mutual Agreement) ที่อยู่บนฐานของ ความยินยอมที่แท้จริง

Consent vs. Informed Consent

  • การเซ็นใบยินยอม (Consent) เป็นเพียง “กระดาษ” หากผู้ป่วยไม่เข้าใจในสิ่งที่เซ็นจริง ๆ
  • แต่ Informed Consent หมายถึง การที่ผู้ป่วยได้รับข้อมูลอย่างครบถ้วน เข้าใจผลดี ผลเสีย ความเสี่ยง และทางเลือก ก่อนจะยินยอม

ดังนั้น Informed Consent ต้องมีองค์ประกอบ 3 ประการ

  1. การให้ข้อมูลครบถ้วน – อธิบายขั้นตอน ความเสี่ยง ผลลัพธ์ที่คาดหวัง และทางเลือกอื่น
  2. การทำความเข้าใจ – ผู้ป่วยต้องสามารถถาม-ตอบ และเข้าใจเนื้อหาที่แพทย์อธิบาย
  3. การตัดสินใจโดยสมัครใจ – ไม่มีการบังคับ กดดัน หรือบิดเบือนข้อมูล

ปัญหาที่เกิดขึ้นบ่อย

ในทางปฏิบัติ หลายครั้งที่ Consent กลายเป็น “พิธีกรรมทางเอกสาร” เช่น

  • ให้ผู้ป่วยเซ็นอย่างเร่งรีบ โดยไม่ได้อธิบาย
  • ให้บุคลากรที่ไม่ใช่แพทย์นำใบมาให้เซ็น
  • มีหลายเอกสารพร้อมกัน ผู้ป่วยไม่เข้าใจว่าแตกต่างกันอย่างไร

ผลที่ตามมาคือ เมื่อเกิดข้อพิพาท ผู้ป่วยหรือญาติสามารถโต้แย้งได้ว่า ไม่ได้รับข้อมูลครบถ้วน → ศาลมักยกเรื่องนี้เป็นข้อพิจารณา

เสรีภาพที่ไม่เท่ากัน

แม้ผู้ป่วยมีสิทธิเลือก แต่ก็ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ ดังนั้น การตัดสินใจของเขาจึงต้องอยู่บน “ความรู้” ที่แพทย์อธิบายให้เข้าใจ
ในทางกลับกัน แพทย์เองก็ไม่สามารถใช้สิทธิของตนเพื่อตัดสินใจแทนผู้ป่วยโดยพลการ ต้องเคารพสิทธิในการเลือกของผู้ป่วยแม้บางครั้งจะไม่ตรงกับความเห็นทางวิชาชีพ

ตัวอย่างจากคดีจริง

มีกรณีหนึ่ง แพทย์แนะนำให้ผู้ป่วยผ่าคลอดเพราะทารกมีน้ำหนักมากกว่า 4 กิโลกรัม แต่ผู้ป่วยปฏิเสธและเลือกคลอดธรรมชาติ สุดท้ายเกิดภาวะติดไหล่ เด็กบาดเจ็บถาวร ศาลตัดสินว่า **แพทย์และโรงพยาบาลยังคงผิดมาตรฐาน** แม้ผู้ป่วยจะปฏิเสธการผ่าตัดก็ตาม

นี่แสดงให้เห็นว่า ความยินยอมของผู้ป่วยไม่ใช่ข้อแก้ตัว หากแพทย์ไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานวิชาชีพ

แนวทางที่เหมาะสม

  1. เน้นการสื่อสาร – อธิบายด้วยภาษาที่เข้าใจง่าย ไม่ใช้ศัพท์เทคนิคเกินไป
  2. ใช้หลักฐานประกอบ – มีบันทึกการพูดคุย เวชระเบียน และการเซ็น Informed Consent
  3. ทำงานแบบ “พี่เลี้ยง” – ไม่ใช่ผู้สั่งการ แต่เป็นผู้แนะนำ ให้ผู้ป่วยมีส่วนร่วมในการตัดสินใจ
  4. เคารพสิทธิและมาตรฐานไปพร้อมกัน – รักษาสมดุลระหว่าง Autonomy (สิทธิผู้ป่วย) และ Beneficence (ประโยชน์ของผู้ป่วย)

บทสรุป

“เสรีภาพภายใต้ความยินยอม” เป็นเส้นบาง ๆ ที่เชื่อมระหว่าง สิทธิของผู้ป่วย และ หน้าที่ของแพทย์ หากเน้นเพียงฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ย่อมเกิดปัญหา แต่หากมีการสื่อสารที่ดี อธิบายอย่างครบถ้วน และทำ Informed Consent อย่างแท้จริง ความสัมพันธ์ระหว่างแพทย์กับผู้ป่วยก็จะเป็นความร่วมมือ (Partnership) ที่สร้างความเชื่อมั่น ลดข้อพิพาท และทำให้การรักษาเป็นไปเพื่อประโยชน์สูงสุดของผู้ป่วยจริง ๆ