มาตรฐานและความระมัดระวัง – เกราะป้องกันคดีทางการแพทย์

การประกอบวิชาชีพเวชกรรมไม่เพียงแต่ต้องอาศัยความรู้และทักษะทางการแพทย์เท่านั้น แต่ยังต้องดำเนินไปภายใต้ มาตรฐานวิชาชีพ และ ความระมัดระวังที่เหมาะสม หากขาดสิ่งเหล่านี้ แม้ผลการรักษาจะไม่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้ป่วยโดยตรง ก็อาจถูกพิจารณาว่า “ผิดมาตรฐาน” และนำไปสู่ความรับผิดทางกฎหมายได้

ความหมายของมาตรฐานทางการแพทย์

มาตรฐานทางการแพทย์มีหลายระดับ ซึ่งล้วนเป็นแนวทางที่แพทย์ต้องยึดถือในการปฏิบัติหน้าที่ ได้แก่:

1. มาตรฐานวิชาชีพ (Professional Standard)

  • เป็นข้อบังคับหรือแนวปฏิบัติที่กำหนดโดยแพทยสภาหรือองค์กรวิชาชีพ
  • ใช้เป็นเกณฑ์กำหนดความเหมาะสมของการรักษาในเชิงวินัย

2. มาตรฐานวิชาการ (Scientific Standard)

  • อ้างอิงจากหลักฐานเชิงประจักษ์ (Evidence-based Medicine)
  • ครอบคลุมงานวิจัย การศึกษาทางคลินิก และความรู้ทางวิชาการที่เป็นที่ยอมรับ

3. มาตรฐานการบริการ (Clinical Guideline / Standard of Care)

  • แนวปฏิบัติหรือแนวทางการรักษาที่ใช้จริงในสถานพยาบาล
  • ศาลมักใช้เกณฑ์นี้เป็นตัววัดว่า “แพทย์ทั่วไปในสถานการณ์เดียวกันจะกระทำเช่นเดียวกันหรือไม่”

ความหมายของความระมัดระวัง

ความระมัดระวังคือ การปฏิบัติหน้าที่ด้วยความรอบคอบ ไม่ประมาทเลินเล่อ โดยวัดจากการกระทำของ “วิญญูชนในวิชาชีพเดียวกัน” กล่าวคือ หากแพทย์ที่มีความรู้และความสามารถใกล้เคียงกัน อยู่ในสถานการณ์เดียวกัน จะต้องทำด้วยความละเอียดรอบคอบในระดับที่เหมาะสม

ความระมัดระวังแบ่งตามระดับความเสี่ยงของหัตถการได้ เช่น

  • หัตถการเสี่ยงสูง เช่น การฉีดสารเติมเต็มบริเวณรอบดวงตา ต้องมีการประเมิน เตรียมอุปกรณ์ และติดตามผลอย่างเข้มงวด
  • หัตถการทั่วไป เช่น การเจาะเลือดหรือให้สารน้ำ แม้จะเป็นหัตถการพื้นฐาน ก็ยังต้องทำตามมาตรฐานและไม่ประมาท

เหตุใดมาตรฐานและความระมัดระวังจึงสำคัญ?

  • เป็น เกณฑ์วัดความรับผิดทางแพ่งและอาญา หากเกิดผลเสียหายแก่ผู้ป่วย
  • ช่วยให้แพทย์สามารถ ป้องกันตนเองทางกฎหมาย เพราะสามารถอ้างอิงว่าปฏิบัติตามมาตรฐานที่ยอมรับแล้ว
  • เพิ่ม ความเชื่อมั่นของผู้ป่วยและสังคม ต่อระบบบริการทางการแพทย์

ตัวอย่างกรณีศึกษา

  • กรณีร้อยไหมผิดตำแหน่ง : แม้ผู้ป่วยไม่ได้รับบาดเจ็บร้ายแรง แต่ศาลพิจารณาว่าเป็นการรักษาที่ “ไม่ตรงตามมาตรฐาน” แพทย์จึงมีความผิดในทางวินัย
  • กรณีคลอดติดไหล่ : แม้ผู้ป่วยปฏิเสธการผ่าคลอด แต่หากแพทย์ไม่เตรียมพร้อมรับมือกับภาวะแทรกซ้อน ก็อาจถูกมองว่า “ขาดความระมัดระวัง”

แนวทางปฏิบัติของแพทย์

  1. ปฏิบัติตาม Clinical Guideline และมาตรฐานวิชาชีพที่ได้รับการรับรอง
  2. ประเมินความเสี่ยงของหัตถการและเตรียมพร้อมรับมือกับภาวะแทรกซ้อน
  3. บันทึก เวชระเบียนอย่างครบถ้วน เพื่อใช้เป็นหลักฐาน
  4. ให้ข้อมูลผู้ป่วยอย่างโปร่งใสและทำ Informed Consent ที่สมบูรณ์
  5. พัฒนาความรู้และทักษะต่อเนื่อง เพื่อให้ทันต่อมาตรฐานที่เปลี่ยนแปลง

บทสรุป

มาตรฐานและความระมัดระวัง คือเกราะป้องกันสำคัญของแพทย์ในการประกอบวิชาชีพ ไม่เพียงช่วยให้ผู้ป่วยได้รับการดูแลที่ปลอดภัยและมีคุณภาพ แต่ยังช่วยป้องกันข้อพิพาททางกฎหมายที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต การยึดมั่นในมาตรฐานวิชาชีพและปฏิบัติด้วยความระมัดระวัง คือหัวใจในการสร้างสมดุลระหว่าง สิทธิของผู้ป่วย และ หน้าที่ของแพทย์ อย่างแท้จริง