ประเทศไทยเรามีนโยบายที่เรียกว่า “เจ็บป่วยฉุกเฉินวิกฤต มีสิทธิทุกที่” (Universal Coverage for Emergency Patients หรือ UCEP) ครับ นโยบายนี้ได้รับการอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2560 เพื่อเป็นหลักประกันว่า หากคุณอยู่ในภาวะฉุกเฉินวิกฤตถึงแก่ชีวิต คุณสามารถเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลไหนก็ได้ที่ใกล้ที่สุด ไม่ว่าจะเป็นโรงพยาบาลรัฐหรือเอกชน โดยไม่ต้องจ่ายเงินล่วงหน้า และทางโรงพยาบาลจะปฏิเสธการรักษาคุณไม่ได้เด็ดขาด!
- ในมุมมองของแพทย์
เรายืนยันว่าทุกวินาทีมีค่าในภาวะฉุกเฉิน การตัดสินใจที่รวดเร็วและการเข้าถึงการรักษาทันทีเป็นหัวใจสำคัญที่จะช่วยชีวิตผู้ป่วยและลดความพิการในระยะยาว แพทย์ทุกคนได้รับการฝึกฝนให้ประเมินอาการฉุกเฉินและให้การปฐมพยาบาลเบื้องต้นอย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม
การประเมินอาการฉุกเฉินวิกฤตจะใช้เกณฑ์มาตรฐานตามหลักการ Triage ที่สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติกำหนด เพื่อให้มั่นใจว่าผู้ป่วยจะได้รับการช่วยเหลือที่เหมาะสมและทันเวลา
- ในมุมมองของนักกฎหมาย
นี่คือสิทธิขั้นพื้นฐานที่กฎหมายคุ้มครองภายใต้พระราชบัญญัติการแพทย์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2551 ที่กำหนดให้โรงพยาบาลมีหน้าที่ในการรักษาผู้ป่วยฉุกเฉิน และมีบทลงโทษสำหรับผู้ที่ฝ่าฝืน (รายละเอียดโทษปรับและเงื่อนไขตามที่กฎหมายกำหนด)
อาการแบบไหนเรียกว่า “ฉุกเฉินวิกฤต” ที่ใช้สิทธิ์ UCEP ได้?
นี่คือสิ่งที่คุณควรรู้เพื่อประเมินสถานการณ์เบื้องต้น
- หมดสติ ไม่รู้สึกตัว ไม่หายใจ หรือ หายใจเฮือก
- หายใจเร็ว หอบเหนื่อยรุนแรง พูดลำบาก
- เจ็บหน้าอกเฉียบพลัน รุนแรง
- ซึมลง เหงื่อแตก ตัวเย็น หมดสติง่าย
- แขนขาอ่อนแรงซีกเดียว พูดไม่ชัด ปากเบี้ยว
- มีอาการของ Shock (ช็อก) เช่น ความดันโลหิตตก ชีพจรเต้นเร็วหรือเต้นผิดปกติ
- มีเลือดออกมาก ไม่สามารถหยุดได้
- อุบัติเหตุร้ายแรง บาดเจ็บรุนแรง
- อาการแพ้ยาหรือสารเคมีรุนแรง
- อาการอื่น ๆ ที่แพทย์ประเมินแล้วว่าเป็นภาวะวิกฤต ซึ่งอาจเป็นอันตรายถึงชีวิต
ข้อควรรู้สำคัญ
เมื่อคุณถึงโรงพยาบาล บุคลากรทางการแพทย์จะเป็นผู้ประเมินอาการของคุณตามเกณฑ์ที่สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) กำหนด หากคุณเข้าข่าย “ฉุกเฉินวิกฤต” คุณจะได้รับการดูแลภายใต้สิทธิ์ UCEP ทันทีแต่ไม่เกิน 72 ชั่วโมง หรือจนกว่าจะพ้นภาวะวิกฤตและสามารถเคลื่อนย้ายได้อย่างปลอดภัย
หลังจากพ้นภาวะวิกฤตแล้ว ผู้ป่วยจะถูกโอนย้ายไปรักษาต่อตามสิทธิ์ประกันสุขภาพเดิมของตนเอง เช่น สิทธิ์ประกันสังคม, สิทธิ์ข้าราชการ, หรือสิทธิ์หลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า (บัตรทอง)
การเตรียมตัวสำหรับเหตุฉุกเฉิน
เพื่อให้การใช้สิทธิ์ UCEP เป็นไปอย่างราบรื่น ควรเตรียมตัวดังนี้:
1. เก็บเอกสารสำคัญ – บัตรประจำตัวประชาชน, บัตรสิทธิ์รักษาพยาบาล (ถ้ามี), ประวัติการแพ้ยา
2. รู้จักโรงพยาบาลใกล้บ้าน – ทั้งรัฐและเอกชน พร้อมเส้นทางการเดินทาง
3. ฝึกครอบครัว – ให้ทุกคนในครอบครัวรู้จักอาการฉุกเฉินและรู้หมายเลขโทรศัพท์ฉุกเฉิน
4. เตรียมข้อมูลติดต่อ – หมายเลขโทรศัพท์ญาติใกล้ชิด, แพทย์ประจำตัว (ถ้ามี)
หากถูกละเมิดสิทธิ์ ต้องทำอย่างไร?
น่าเสียดายที่แม้จะมีกฎหมายรองรับ แต่ยังคงมีข่าวคราวเกี่ยวกับการเรียกเก็บค่าใช้จ่ายที่ไม่ถูกต้อง หรือการปฏิเสธการรักษาอยู่บ้าง หากคุณหรือคนรู้จักตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ อย่าเพิ่งท้อใจ! คุณสามารถทำตามขั้นตอนดังนี้:
ขั้นตอนที่ 1 เก็บหลักฐาน
- หากมีการเรียกเก็บเงิน ให้เก็บใบเสร็จ ใบกำกับภาษี หรือเอกสารการเรียกเก็บค่าใช้จ่าย
- บันทึกการสนทนาที่เกี่ยวข้อง (ชื่อ, ตำแหน่ง, เวลา, สิ่งที่พูด)
- ถ่ายรูปหรือเก็บเอกสารทางการแพทย์ที่เกี่ยวข้อง
- หาพยานหากมีคนอื่นอยู่ในเหตุการณ์
ขั้นตอนที่ 2 แจ้งเรื่องทันที
- ศูนย์ประสานคุ้มครองสิทธิผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤต UCEP** โทร. **02-872-1669 ตลอด 24 ชั่วโมง** (ช่องทางหลักที่เฉพาะเจาะจงสำหรับ UCEP)
- สายด่วน สพฉ. 1669** สำหรับข้อสงสัยหรือปัญหาเกี่ยวกับการประเมินภาวะฉุกเฉิน หรือการบริการ
- สายด่วน สภาผู้บริโภค 1502** เพื่อปรึกษาและแจ้งเรื่องเกี่ยวกับการถูกละเมิดสิทธิ์ผู้บริโภค
- สายด่วน กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) 1426** สำหรับปัญหาที่เกี่ยวข้องกับการปฏิเสธการรักษาของโรงพยาบาลเอกชน
ขั้นตอนที่ 3 ติดตามผลการดำเนินการ
- เจ้าหน้าที่จะดำเนินการสอบสวนและประสานงานกับโรงพยาบาลที่เกี่ยวข้อง
- หากพิสูจน์ได้ว่าโรงพยาบาลทำผิด อาจมีการสั่งคืนเงินให้ผู้ป่วย
- ในกรณีร้ายแรง อาจมีการดำเนินการทางกฎหมายกับโรงพยาบาลหรือบุคลากรที่เกี่ยวข้อง
ขั้นตอนที่ 4 ปรึกษาทนายความ (หากจำเป็น)
หากคุณรู้สึกว่าสิทธิ์ของคุณถูกละเมิดอย่างร้ายแรง และการดำเนินการของหน่วยงานราชการยังไม่เพียงพอ ทนายความผู้เชี่ยวชาญจะสามารถให้คำแนะนำและช่วยเหลือคุณในการ:
- ฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายทางแพ่ง
- แจ้งความดำเนินคดีอาญา (ในกรณีที่มีการกระทำความผิดทางอาญา)
- ร้องเรียนต่อหน่วยงานกำกับดูแลวิชาชีพ
ความรับผิดชอบของโรงพยาบาลและบุคลากร
โรงพยาบาลมีหน้าที่
- ตรวจประเมินและให้การรักษาผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤตทันทีโดยไม่เรียกเก็บค่าใช้จ่ายล่วงหน้า
- แจ้งสิทธิ์ UCEP ให้ผู้ป่วยและญาติทราบ
- ประสานงานกับ สพฉ. เพื่อขอรับการสนับสนุนค่าใช้จ่าย
- เก็บรักษาเอกสารหลักฐานการรักษาอย่างครบถ้วน
บุคลากรทางการแพทย์มีหน้าที่
- ให้การรักษาอย่างเต็มความสามารถโดยไม่เลือกปฏิบัติ
- ประเมินอาการตามมาตรฐานวิชาชีพ
- แจ้งและอธิบายสิทธิ์ให้ผู้ป่วยและญาติเข้าใจ
เพื่อชีวิตที่ดีขึ้น เราทุกคนต้องร่วมมือ เพราะสิทธิ UCEP ไม่ได้มีไว้แค่ให้เราใช้ แต่มีไว้เพื่อให้มั่นใจว่าในยามวิกฤติที่สุด ทุกชีวิตจะได้รับโอกาสในการรอด การรู้และเข้าใจสิทธิ์นี้จึงเป็นสิ่งสำคัญสำหรับประชาชนทุกคน ในขณะเดียวกัน บุคลากรทางการแพทย์ก็พร้อมดูแลผู้ป่วยทุกท่านอย่างเต็มความสามารถ และนักกฎหมายอย่างพวกเราก็พร้อมที่จะเป็นปากเสียงและยืนหยัดเพื่อความถูกต้อง
สิ่งที่ประชาชนควรทำ
- เรียนรู้และเข้าใจสิทธิ์ UCEP
- เผยแพร่ความรู้ให้คนรอบข้าง
- ใช้สิทธิ์อย่างเหมาะสม ไม่ใช้ในกรณีที่ไม่จำเป็น
- ให้ความเคารพและเข้าใจการทำงานของบุคลากรทางการแพทย์
สิ่งที่โรงพยาบาลและบุคลากรควรทำ
- ทำความเข้าใจกฎหมายและระเบียบ UCEP อย่างถูกต้อง
- ให้การบริการที่เท่าเทียมและมีคุณภาพ
- แจ้งสิทธิ์ให้ผู้ป่วยทราบอย่างชัดเจน
- ปรับปรุงระบบการทำงานให้รองรับ UCEP อย่างเหมาะสม
มาร่วมกันสร้างสังคมที่ทุกคนเข้าถึงการรักษาได้อย่างเท่าเทียม และมั่นใจในความปลอดภัยของชีวิตนะครับ **เพราะสิทธิในชีวิต… คือสิทธิที่สำคัญที่สุด**
หมายเหตุ: ข้อมูลในบทความนี้เป็นข้อมูลทั่วไปเพื่อให้ความรู้แก่ประชาชน หากมีข้อสงสัยเฉพาะกรณี ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยตรง