สรุปสาระสำคัญที่ได้จากการเสวนาออนไลน์ “แพทย์ความงามกับการป้องกันและระงับข้อพิพาททางกฎหมาย” โดย ดร.นพ.ไพโรจน์ บุญศิริคำชัย พญ.สุธิดา อารยเมธี นพ.คณิต เต็มไตรรัตน์ นพ.อธิพงศ์ พลชัย และ นายชาย นิ่มละมัย เมื่อวันเสาร์ที่ 5 ตุลาคม 2567 เวลา 21:00 – 22:00 น. ผ่าน ZOOM
- หมอปลอมและการใช้ชื่อ: เน้นที่ปัญหาของการใช้ชื่อของหมอที่ไม่อยู่ในคลินิก ซึ่งอาจเกิดจากหมอแขวนป้ายให้คลินิกอื่นๆ โดยที่ไม่มีการทำงานจริง ส่งผลกระทบต่อตัวหมอเอง เพราะฉะนั้นการให้ชื่อเพื่อให้คนอื่นใช้ในการทำงานในคลินิกที่ไม่ได้มาตรฐานอาจทำให้หมอนั้นตกอยู่ในความเสี่ยง เช่น การถูกฟ้องร้องหรือการเสื่อมเสียชื่อเสียง ซึ่งหมอควรระมัดระวังเกี่ยวกับการร่วมงานกับคลินิกและไม่ควรให้ชื่อหรือข้อมูลส่วนตัวแก่ผู้ที่ไม่รู้จักหรือไม่น่าเชื่อถือ
- ข้อกฎหมาย มาตรฐานและความรับผิดชอบ: กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับแพทย์นั้นซับซ้อน และแพทย์ที่เป็นเจ้าของชื่อมีความรับผิดชอบในการดูแลกิจกรรมภายในคลินิก แม้ว่าจะไม่อยู่ที่นั่นในวันนั้นก็ตาม เพราะผู้ประกอบวิชาชีพต้องมีความรู้เกี่ยวกับกฎหมายเพื่อให้การรักษาปลอดภัย โดยการรักษาต้องเป็นไปตามมาตรฐานวิชาชีพและแจ้งให้คนไข้ทราบถึงความเสี่ยงและผลลัพธ์ที่คาดหวังอย่างชัดเจน แพทย์ต้องปฏิบัติตามมาตรฐานทางการแพทย์และมีความรับผิดชอบต่อผลลัพธ์ของการรักษา แม้ว่าผลลัพธ์จะไม่ตรงตามที่คนไข้คาดหวังก็ตาม
- แพทย์ควรปกป้องตัวเอง: แนะนำให้หมออัปเดตข้อมูลส่วนตัวในเว็บไซต์ของแพทยสภาและรักษาข้อมูลให้ถูกต้อง เพื่อป้องกันการแอบอ้างชื่อ และหมอควรตระหนักถึงความเสี่ยงและหมั่นติดตามสถานการณ์เกี่ยวกับชื่อเสียงและการใช้ชื่อของตนเองในวงการแพทย์
- หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง: หมอควรทราบถึงหน่วยงานที่ดูแลเรื่องนี้ เช่น แพทยสภา และมีความเข้าใจเกี่ยวกับสิทธิและความรับผิดชอบของตนเองในการรักษาและดูแลผู้ป่วย
- การสื่อสาร: การสื่อสารระหว่างแพทย์และคนไข้เป็นสิ่งสำคัญในการรักษา ความเข้าใจร่วมกันช่วยลดความขัดแย้ง โดยการสื่อสารที่ชัดเจนและมีข้อมูลที่เพียงพอจะทำให้คนไข้รู้สึกมั่นใจมากขึ้น การอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นกับผู้ป่วยหลังจากการรักษาเป็นสิ่งสำคัญ ควรอธิบายอย่างตรงไปตรงมาและไม่แก้ตัว เพื่อให้ผู้ป่วยเข้าใจสถานการณ์
- Informed Consent: ต้องให้ข้อมูลที่ชัดเจนเกี่ยวกับหัตถการที่ทำและความเสี่ยงที่เกี่ยวข้อง โดยต้องอธิบายให้คนไข้เข้าใจอย่างละเอียดเกี่ยวกับข้อดีและข้อเสีย นอกจากนี้ยังต้องมีการเตรียมตัวในกรณีที่คนไข้ปฏิเสธการรักษา และการยินยอมต้องเป็นไปตามกระบวนการที่ถูกต้อง มีการแจ้งข้อมูลเพียงพอ และเกิดจากความสมัครใจของคนไข้
- การบันทึกข้อมูล: การบันทึกข้อมูลการสื่อสารและการยินยอมของคนไข้เป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้มีหลักฐานชัดเจนในกรณีที่เกิดข้อพิพาท
- การใช้โฆษณาและการตลาด: การใช้ influencer ในการโปรโมทควรทำอย่างระมัดระวัง เพราะอาจสร้างความคาดหวังที่สูงเกินจริงให้กับผู้ป่วย เพราะผู้ป่วยมักมีความคาดหวังที่สูงจากการโฆษณา เช่น ย้อนวัยหรือลดริ้วรอย ควรมีการปรับความคาดหวังเหล่านี้ในระหว่างการปรึกษาเพื่อป้องกันความผิดหวังและการฟ้องร้องในอนาคต
- การไกล่เกลี่ยและอนุญาโตตุลาการ: ในกรณีที่เกิดปัญหา ควรพิจารณาการไกล่เกลี่ยเป็นวิธีในการแก้ไขปัญหาก่อนที่จะนำไปสู่การฟ้องร้อง การไกล่เกลี่ยช่วยรักษาความสัมพันธ์ระหว่างแพทย์และผู้ป่วยได้ ทางเลือกในการแก้ไขข้อพิพาทนอกเหนือจากการฟ้องร้องคดี
- การจัดการกับเคสที่มีความคาดหวังสูง: หากผู้ป่วยมีความคาดหวังที่ไม่สมจริง ควรปฏิเสธการรักษาอย่างสุภาพ เช่น การอธิบายว่าการรักษาไม่สามารถทำให้หายขาดได้ ควรพูดอย่างชัดเจนเพื่อไม่ให้ผู้ป่วยมีความหวังเกินจริง
- การปฏิเสธการรักษา: สามารถปฏิเสธการรักษาได้ถ้าไม่ใช่กรณีฉุกเฉิน ควรทำอย่างมีมนุษยธรรม เช่น บอกผู้ป่วยว่า “การรักษานี้ไม่สามารถทำได้” โดยไม่ทำให้รู้สึกแย่