ในยุคที่ผู้ป่วยมีสิทธิและเข้าถึงข้อมูลได้มากขึ้น แพทย์จึงต้องปฏิบัติงานภายใต้ทั้ง มาตรฐานวิชาชีพ จริยธรรม และกรอบกฎหมาย ที่เข้มงวดมากขึ้นทุกปี ความตั้งใจดีเพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอ หากขาดความเข้าใจในกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เพราะความผิดพลาดเล็กน้อยอาจกลายเป็นคดีใหญ่ได้
บทความนี้สรุปประเด็นทางกฎหมายที่แพทย์มักพบเจอบ่อยที่สุด พร้อมแนวทางป้องกัน เพื่อให้แพทย์ดำเนินวิชาชีพได้อย่างปลอดภัยและมั่นใจ
1. การออกใบรับรองแพทย์ไม่รอบคอบ
ใบรับรองแพทย์เป็นเอกสารทางราชการที่ใช้ยืนยันข้อเท็จจริงด้านสุขภาพของบุคคล เช่น การลาป่วย การทำประกัน หรือการขออนุญาตขับขี่ หากแพทย์ออกใบรับรองโดย
- ไม่ได้ตรวจร่างกายจริง,
- ตรวจไม่ครบถ้วน, หรือ
- ระบุข้อความไม่ตรงกับความจริง
อาจเข้าข่าย “ออกเอกสารอันเป็นเท็จ” ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 267–268 และยังถือเป็นความผิดทางจริยธรรมวิชาชีพได้ด้วย
แนวทางป้องกัน
- ออกใบรับรองเฉพาะกรณีที่ได้ตรวจจริง
- บันทึกอาการ ตรวจร่างกาย และเหตุผลการออกเอกสารอย่างครบถ้วนในเวชระเบียน
- ห้ามเซ็นใบรับรองแทนกันเด็ดขาด
2. ความคลาดเคลื่อนทางการแพทย์ (Medical Error)
ความคลาดเคลื่อนทางการแพทย์อาจเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น การสื่อสารผิดพลาด การสั่งยาไม่ถูกต้อง หรือการประเมินอาการไม่ครบถ้วน หากก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้ป่วย แพทย์อาจถูกดำเนินคดีทั้งทางแพ่งและทางวินัย
แนวทางป้องกัน
- ใช้ระบบตรวจสอบซ้ำ (Double Check) โดยเฉพาะการสั่งยาและหัตถการ
- ปรึกษาแพทย์ร่วมทีมเมื่อตัดสินใจในกรณีที่มีความเสี่ยง
- บันทึกกระบวนการตัดสินใจอย่างชัดเจนในเวชระเบียน
3. เวชระเบียนไม่ครบถ้วนหรือไม่ถูกต้อง
เวชระเบียนถือเป็น หลักฐานสำคัญที่สุด ในการป้องกันหรือโต้แย้งคดีทางการแพทย์ หากบันทึกไม่ครบ ขาดช่วง หรือเขียนภายหลังเหตุการณ์เกิดขึ้น ศาลอาจตีความว่าแพทย์กระทำโดยประมาท
แนวทางป้องกัน
- บันทึกทุกขั้นตอนอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่การตรวจ การให้ยา การอธิบายข้อมูล ไปจนถึงการติดตามผล
- ห้ามแก้ไขย้อนหลังโดยไม่ระบุเหตุผลและลงนามกำกับ
- เก็บรักษาเวชระเบียนตามกฎหมายอย่างน้อย 5 ปี หรือจนกว่าคดีจะสิ้นสุด
4. การออกใบเสร็จและการโฆษณาที่ขัดต่อกฎหมาย สคบ.
สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) กำหนดให้คลินิกและสถานพยาบาลต้องออกใบเสร็จให้ผู้รับบริการทุกครั้ง โดยระบุรายละเอียดครบถ้วน เช่น ชื่อสถานพยาบาล ใบอนุญาต หมายเลขผู้ประกอบวิชาชีพ และรายการบริการ
หากโฆษณาบริการทางการแพทย์โดยไม่ได้รับอนุญาต หรือมีข้อความเกินจริง อาจเข้าข่าย โฆษณาอันเป็นเท็จ ตาม พ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. 2522 และข้อบังคับแพทยสภา
แนวทางป้องกัน
- ตรวจสอบเนื้อหาโฆษณาให้สอดคล้องกับข้อเท็จจริงทางการแพทย์
- หลีกเลี่ยงการใช้คำโฆษณาเชิงรับประกันผล หรือเปรียบเทียบกับผู้อื่น
- ออกใบเสร็จและเก็บสำเนาไว้ทุกครั้ง
5. การใช้เทคโนโลยีและ Telemedicine โดยไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์
การแพทย์ทางไกล (Telemedicine) ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างมาก แต่หากให้คำปรึกษาหรือสั่งยาโดยไม่ตรวจร่างกาย หรือไม่มีการยืนยันตัวตนผู้ป่วยอย่างถูกต้อง อาจเข้าข่ายละเมิดมาตรฐานวิชาชีพ และเสี่ยงต่อการถูกฟ้องหากเกิดความเสียหาย
แนวทางป้องกัน
- ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ของแพทยสภาในการให้บริการทางไกล
- ใช้ระบบที่มีความปลอดภัยในการจัดเก็บข้อมูลผู้ป่วย
- แนะนำให้ผู้ป่วยพบแพทย์ตรวจร่างกายโดยตรงในกรณีที่จำเป็น
6. การใช้ยา อาหารเสริม หรือเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ไม่ได้มาตรฐาน
บางกรณีแพทย์อาจเลือกใช้ผลิตภัณฑ์หรืออุปกรณ์ที่ยังไม่ได้รับการรับรองจาก อย. (สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา) ซึ่งถือเป็นการกระทำผิดกฎหมาย และอาจส่งผลให้แพทย์ถูกเพิกถอนใบอนุญาตได้
แนวทางป้องกัน
- ตรวจสอบเลขทะเบียน อย. และเอกสารรับรองผลิตภัณฑ์ทุกครั้ง
- ใช้เฉพาะยาและเครื่องมือที่ผ่านการรับรองจากหน่วยงานกำกับดูแล
- หลีกเลี่ยงการทดลองนวัตกรรมใหม่โดยไม่มีข้อมูลเพียงพอ
บทสรุป
ปัญหาทางกฎหมายที่แพทย์มักพบไม่ได้เกิดจาก “ความตั้งใจไม่ดี” แต่เกิดจาก ความไม่รู้ หรือความละเลยในรายละเอียดเล็ก ๆ ที่กฎหมายให้ความสำคัญ
การรู้เท่าทันกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการประกอบวิชาชีพ จึงเป็น “ทักษะจำเป็น” ไม่แพ้ความรู้ทางการแพทย์
แพทย์ที่เข้าใจทั้งกฎหมายและจริยธรรม จะสามารถรักษาผู้ป่วยได้อย่างมั่นใจ ปลอดภัย และมีภูมิคุ้มกันจากความเสี่ยงทางคดี

